“กัปตันเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ เหมาอีก 2 เม็ด บวกกับ สุภโชค สารชาติ และบดินทร์ ผาลา คนละตุง พาทีมชาติไทย ถล่มอินโดนีเซียขาด 4-0 ตุนความได้เปรียบในมืออื้อ ก่อนเล่นเลกสองในการชิงจ้าวลูกหนังอาเซียนศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ในวันที่ 1 ม.ค. 2565 จ่อคว้าแชมป์เป็นของขวัญปีใหม่ให้แฟนๆ ชาวไทย ขณะที่ดาวเตะจาก คอนซาโดเล่ ซัปโปโร มีลุ้นตำแหน่งดาวซัลโวด้วยหลังกดไปแล้ว 4 ประตู
ฟุตบอล “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020” รอบชิงชนะเลิศ นัดแรก
วันพุธที่ 29 ธันวาคม 2564
อินโดนีเซีย 0-4 ทีมชาติไทย
รายชื่อผู้ตัดสิน : อัลฮุนฟุตห์ ฮัสซัน (ซาอุดีอาระเบีย), ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1 : ฟาซัล อัลฆาทานี (ซาอุดีอาระเบีย), ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 2 : ฮาเหม็ด ทาลิฟ อัล กาฟรี (โอมาน), ผู้ตัดสินที่ 4 : มูฮาหมัด นาสมี่ นาซารุดดิน (มาเลเซีย)
การแข่งขันฟุตบอล “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020” ที่ประเทศสิงคโปร์ ประจำวันพุธที่ 29 ธ.ค.64 รอบชิงชนะเลิศ นัดแรก ที่สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์ เวลา 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย คู่ระหว่าง พลพรรค “การูด้า” ทีมชาติอินโดนีเซีย อดีตรองแชมป์รายการนี้ 5 ครั้ง ลงสนามพบกับทัพ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ดีกรีเจ้าของแชมป์ 5 สมัยมากที่สุดในรายการนี้
โดยอินโดนีเซีย ที่มี “ชิน แท-ยอง” คุมทัพ มาในระบบ 5-4-1 ที่สามารถยืดหยุ่นเปลี่ยนมาใช้ 3-4-3 ได้ เกมนี้ปรับทัพเพียงแค่ 3 ตำแหน่ง จากเกมรอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง ที่เอาชนะเจ้าภาพสิงคโปร์ ในเวลา 120 นาทีด้วยสกอร์ 4-2 เกมนี้ส่ง 3 แข้งอย่าง เอโด เฟบรียันชะฮ์, เดดิก เซอตียาวัน และ อิรฟาน จายา แนวรุกตัวเก่งที่ยิงไปแล้ว 3 ประตูนำเป็นดาวซัลโวของทีม กลับมาออกสตาร์ตตัวจริงในเกมนี้อีกครั้ง
ด้านทีมชาติไทย ที่มี “มาโน่ โพลกิ้ง” คุมทัพ เกมนี้มีการปรับเปลี่ยนนักเตะถึง 7 ราย จากเกมรอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง ที่เสมอเวียดนาม 0-0 หลังจากมีนักเตะบาดเจ็บและติดโทษแบน แถมเปลี่ยนระบบมาเป็น 4-2-3-1 โดย ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน เฝ้าเสาแทน ฉัตรชัย บุตรพรม ที่มีอาการบาดเจ็บปิดฉากทัวร์นาเมนต์นี้ไปแล้ว
ขณะที่ 2 เซ็นเตอร์ฮาล์ฟเปลี่ยนมาใช้ เอเลียส ดอเลาะ ลงจับคู่ กฤษดา กาแมน ส่วนตำแหน่งแบ็คขวา-ซ้ายใช้ ทริสตอง โด กับฟิลิป โรลเลอร์ เช่นเดียวกับกองกลาง วีระเทพ ป้อมพันธุ์ ได้รับโอกาสลงตัวจริง ส่วน 3 ประสานวาง บดินทร์ ผาลา ที่จะลงลาดเลื้อยทางซ้าย ฝั่งขวาเป็นสุภโชค สารชาติ โดยมี ธีรศิลป์ แดงดา ยืนหน้าเป้าคอยล่าตาข่าย
ในส่วนของ 12 นักเตะทัพ “ช้างศึก” ที่มีชื่อเป็นตัวสำรองในเกมนี้ ประกอบด้วย กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ (ผู้รักษาประตู), สุริยา สิงห์มุ้ย, สารัช อยู่เย็น, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, อดิศักดิ์ ไกรษร, ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร, นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม, ศุภชัย ใจเด็ด, วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ, ปวีร์ ตัณฑะเตมีย์, ปกเกล้า อนันต์ และพิชา อุทรา ด้านนักเตะที่หลุดโผไม่มีชื่อในเกมนี้มี ฉัตรชัย บุตรพรม (บาดเจ็บ), ธีราทร บุญมาทัน (ติดโทษแบน), มานูเอล ทอม เบียรห์, ศิวกรณ์ เตียตระกูล, ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์, เจนภพ โพธิ์ขี
เพียงแค่นาทีเดียวทัพ ทัพ “ช้างศึก” เกือบได้ประตูขึ้นนำเมื่อ บดินทร์ ผาลา พาบอลตะลุยขึ้นมาทางซ้ายจนถึงสุดเส้นหลังและตัดสินใจยิง แต่ทาง นาเดโอ อาร์กาวีนาตา ยังปัดไว้ได้ก่อนจะไปโดนแขนของ สุภโชค สารชาติ ทำให้เป็นลูกแฮนด์บอลไป
กระทั่ง น.2 ทีมชาติไทย ได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็วจากจังหวะที่ ฟิลิป โรลเลอร์ ตะลุยขึ้นมาทางฝั่งขวาก่อนจะหลุดเข้าในเขตโทษ และจ่ายบอลย้อนมาตรงกลางก่อนจะเป็น ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่ตั้งเท้าซัดเต็มข้อเน้น ๆ บอลพุ่งเข้าประตูไปอย่างสวยงาม ชนิดที่ นาเดโอ อาร์กาวีนาตา นายด่านอินโดนีเซีย หมดสิทธิ์เซฟ นอกจากนี้ยังเป็นลูกที่ 3 ของ “กัปตันเจ” ในทัวร์นาเมนต์นี้ด้วย
น.14 ทีมชาติไทย น่าจะได้ประตูที่สองเมื่อ สุภโชค สารชาติ พาบอลลากขึ้นมาสุดเส้นหลังฝั่งซ้่ายก่อนตักบอลไปที่เสาสอง บดินทร์ ผาลา วอลเลย์เต็มข้อแบบไม่จับ อัซนาวี มังกูวาลัม เคลียบอลได้ตรงเส้นพอดีแต่ยังไม่พ้นขีดอันตราย ก่อนที่ เอเลียส ดอเลาะ ได้โหม่งซ้ำดาบสองเน้น ๆ กลางประตู ทว่าบอลดันเหินข้ามคานออกหลังไปอย่างน่าเสียได้
น.34 เอเลียส ดอเลาะ กองหลังทีมชาติไทย ได้รับใบเหลืองเป็นคนแรกของเกมนี้ หลังไปเข้าหนักใส่ รัคมัต อีร์ยานโต กองกลางอินโดนีเซีย บริเวณกลางสนาม อย่างไรก็ตาม น.38 จากจังหวะนี้เอง เอเลียส ดอเลาะ มีอาการบาดเจ็บบริเวณหัวเข้าซ้าย จนเล่นต่อไม่ไหว ก่อนจะเปลี่ยน ปกเกล้า อนันต์ ลงมาเล่นแทน
น.41 อินโดนีเซีย พลาดโอกาสทองได้ประตูตีเสมอจากจังหวะที่ วิตัน ซูเลมาน พาบอลสวนกลับเร็วขึ้นมาทางซ้ายก่อนจะปาดเข้ามากลางประตู บอลเลยมาถึงแถวสอง และเป็น อัลเฟอันดรา เดวังกา ที่ยืนอยู่คนเดียวโล่ง ๆ บรรจงยิงด้วยซ้าย ทว่าบอลดันเหินข้ามคานออกไปแบบไม่น่าเชื่อ
น.45+2 ทัพ “ช้างศึก” เกือบได้ประตูที่สองอีกครั้งเมื่อ สุภโชค สารชาติ จ่ายบอลไปทางซ้ายในกรอบเขตโทษ บดินทร์ ผาลา ได้โอกาสปั่นโค้ง ๆ บอลกำลังเลี้ยวเข้าประตู แต่ นาเดโอ อาร์กาวีนาตา ยังโชว์เซฟบินปัดออกหลังไปได้ ก่อนจะจบครึ่งแรกทีมชาติไทย ยังออกนำ อินโดนีเซีย อยู่ 1-0
เข้าสู่ครึ่งหลัง อินโดนีเซีย ขยับเปลี่ยนตัว 3 คนรวด โดยถอดทาง ฟัครูดิน อาร์ยันโต, รัคมัต อีร์ยานโต และเอโด เฟบรียันชะฮ์ ออกไปพัก และส่งทาง เอลแกน แบกกอตต์, อิวาน ดิมาส และกาเด็ก อากุง ลงมาเล่นแทน
น.50 ทัพ “ช้างศึก” น่าจะได้ประตูหนีห่างเมื่อ สุภโชค สารชาติ ได้บอลหน้าเขตโทษก่อนจะตัดสินใจยิงเอง บอลไปแฉลบผู้เล่นอินโดนีเซีย ออกหลังไป
กระทั่ง น.52 ทีมชาติไทย มาได้ประตูหนีห่างเป็น 2-0 จนได้จากจังหวะสวนกลับเร็ว สุภโชค สารชาติ พาบอลตะลุยขึ้นมาก่อนจะพยายามหาโอกาสยิงแต่มีผู้เล่นอินโดนีเซีย ยืนกันแน่นไปหมด ก่อนจะจ่ายย้อนมาให้กับ ชนาธิป สรงกระสินธ์ วิ่งเข้ามาซัดเต็มข้อแบบไม่ต้องจับส่งบอลพุ่งเข้าประตูไปอย่างสวยงาม และเป็นลูกที่สองของเขาในเกมนี้ รวมถึงเป็นประตูที่ 4 ในทัวร์นาเมนต์นี้ขึ้นมารั้งดาวซัลโวร่วมกับ ธีรศิลป์ แดงดา, ซาฟาวี ราชิด (มาเลเซีย) และเบียนเวนิโด มอเรยอน (ฟิลิปปินส์)
น.60 ทัพ “ช้างศึก” ขยับเปลี่ยนตัวอีก 2 คน โดยส่งทาง ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ และศุภชัย ใจเด็ด ลงมาเล่นแทน พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล และธีรศิลป์ แดงดา
น.62 โอกาสทองของอินโดนีเซีย ที่เกือบได้ประตูตีไข่แตกเมื่อ อิรฟาน จายา ได้หลุดเข้าไปในเขตโทษทางซ้าย ก่อนจะตวักยิงเล่นทางแต่ยังไปติดเซฟ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน ที่ยังยืนตำแหน่งได้ดีช่วยเคลียบอลออกไปได้
น.67 ทีมชาติไทย มาได้ประตูเพิ่มเป็น 3-0 จากจังหวะที่ ฟิลิป โรลเลอร์ ปาดบอลจากฝั่งขวาเข้ามาตรงกลาง บอลเลยมาถึง สุภโชค สารชาติ ได้ซัดเต็มข้อบอลพุ่งเสียบเสาเข้าประตูไปอย่างงดงาม และเป็นลูกที่ 3 ของเขาในทัวร์นาเมนต์หนนี้ด้วย
น.74 มาโน่ โพลกิ้ง กุนซือใหญ่ทีมชาติไทย ตัดสินใจส่ง กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ผู้รักษาประตูมือสอง ลงสนามมาเฝ้าเสาเป็นนัดแรกของทัวร์นาเมนต์หนนี้แทนที่ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน
น.83 ทีมชาติไทย มาได้อีกหนึ่งประตูหนีอินโดนีเซียเป็น 4-0 จากจังหวะที่ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ จ่ายบอลทะลุช่องไปให้กับ บดินทร์ ผาลา หลุดเข้าเขตโทษและส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายไปอย่างง่ายดาย
ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีสกอร์เพิ่มเติม จบเกม ทีมชาติไทย เอาชนะ ทีมชาติอินโดนีเซีย ไปด้วยสกอร์ 4-0 ทำให้ทัพ “ช้างศึก” กุมความได้เปรียบเข้าใกล้สู่บังลังก์แชมป์อาเซียนสมัยที่ 6 เข้าไปทุกขณะ ส่วนพลพรรค “การูด้า” จากความพ่ายแพ้ในเกมนี้ เป็นการปราชัยครั้งแรกใน “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020” อีกด้วย
สำหรับโปรแกรมรอบชิงชนะเลิศ นัดที่สอง ระหว่าง ทีมชาติไทย พบกับ ทีมชาติอินโดนีเซีย จะลงเตะในวันเสาร์ที่ 1 ม.ค.65 ที่สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์ เวลา 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทางช่อง 7 HD และช่อง AIS Play
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
ทีมชาติอินโดนีเซีย : นาเดโอ อาร์กาวีนาตา (ผู้รักษาประตู), เอโด เฟบรียันชะฮ์ (อิวาน ดิมาส แทน น.46), ริซกี รีโด, วิตัน ซูเลมาน, รัคมัต อีร์ยานโต (กาเด็ก อากุง แทน น.46), อัซนาวี มังกูวาลัม, ริคกี้ กัมบัวยา (เอกี้ เมาลานา ฟิกรี้ แทน น.63), ฟัครูดิน อาร์ยันโต (เอลแกน แบกกอตต์ แทน น.46), อิรฟาน จายา (ราไม รูมากีก แทน น.73), เดดิก เซอตียาวัน, อัลเฟอันดรา เดวังกา
ทีมชาติไทย : ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน (ผู้รักษาประตู) (กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ แทน น.74), เอเลียส ดอเลาะ (ปกเกล้า อนันต์ แทน น.39), กฤษดา กาแมน, ทริสตอง โด, ฟิลิป โรลเลอร์, พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล (ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ แทน น.60), วีระเทพ ป้อมพันธุ์, ชนาธิป สรงกระสินธ์ (วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ แทน น.74), บดินทร์ ผาลา, สุภโชค สารชาติ, ธีรศิลป์ แดงดา (ศุภชัย ใจเด็ด แทน น.60)